เติมไฟให้ความฝัน
ช่างภาพหลายคนนั่งมองเส้นทางอาชีพของตนที่สะดุดหยุดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เหงียน ทัญ ตุ่ง ช่างภาพจากเวียดนามกลับสามารถก้าวนำหน้าความท้าทายนี้และใช้ความรักที่เขามีต่อการถ่ายภาพเป็นพลังในการก้าวข้ามทุกอุปสรรค
เสียงทักทายจากนครโฮจิมินห์ เหงียน ทัญ ตุ่งใช้ชีวิตวัยเด็กในชนบทของเมืองสักซ้า จังหวัดเกียนซาง อันเป็นบ้านเกิดของผู้เป็นแม่มาโดยตลอด ช่วงที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย เขาเริ่มสนใจการถ่ายภาพ และหลังจากเรียนจบจึงได้เข้าทำงานเป็นช่างภาพให้กับหนังสือพิมพ์และนิตยสารในนครโฮจิมินห์ จากนั้นเขาได้งานที่ The Saigon Times และกลายเป็นหนึ่งในช่างภาพข่าวหลักขององค์กรในท้ายที่สุด
เขาใช้เวลาว่างจัดหลักสูตรการฝึกอบรมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพให้กับช่างภาพรุ่นใหม่ ซึ่งทำให้เขายิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นในวงการถ่ายภาพ
ทัญ ตุ่งมองว่าการถ่ายภาพคืออาชีพพิเศษที่ต้องมีคนชี้แนะก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วงการ ซึมซับมุมมองและประสบการณ์ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานอย่างสร้างสรรค์ "ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด ผมแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดหรือเลิกทำในสิ่งที่ผมรักหรอกนะครับ มันคือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของหลาย ๆ คน ผมต้องเจอกับข้อบังคับและข้อจำกัดอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นระยะห่าง ความหงุดหงิด และช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ผมรู้ว่าผมจะสามารถผ่านมันไปได้ในที่สุด”
การถูกบังคับให้ต้องแยกกักตัวเนื่องจากการระบาดครั้งใหญ่ของโควิดสร้างความลำบากให้กับทัญ ตุ่ง เช่นเดียวกับที่เราทุกคนได้เจอ “การต้องอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลาทำให้ผมมักรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์ ผมไม่อาจปล่อยความคิดด้านลบให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ได้ ผมเลยรับมือกับมันด้วยการเริ่มหันไปสนใจเรื่องอื่นแทน อย่างการออกกำลัง ทำความสะอาด ปลูกต้นไม้ที่ระเบียง ดูแลเด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งดูหนัง" ยิ่งไปกว่านั้น เขายังติดนิสัยจดบันทึกและถ่ายภาพชีวิตประจำวัน ตั้งแต่อาหาร ต้นไม้ในกระถาง และเด็ก ๆ ที่กำลังอ่านหนังสืออีกด้วย
ในท้ายที่สุด ทุกอย่างเหล่านั้นก็กลายมาเป็นหัวข้อในการถ่ายภาพของเขา การถ่ายภาพกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทัญ ตุ่งแชร์ไว้ใน Facebook และในหมู่เพื่อนฝูงเพื่อให้อดทนสู้กับช่วงเวลาอันแสนยาวนาน เขาดึงตัวเองออกจากความคิดด้านลบโดยมุ่งไปที่การดูและศึกษาผลงานของช่างภาพคนอื่น ๆ ใน YouTube
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ทัญ ตุ่งก็ได้ค้นพบแล้วว่าการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยให้เขายังคงมีไฟที่จะทำในสิ่งที่เขารัก “มันคือการสังเกต การใส่ใจ และการตื่นตัวต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณอยู่เสมอ ความคิดสร้างสรรค์นั้นอยู่รอบตัวเราและเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา กฎของเราคือต้องเป็นพยานและบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ วิธีนี้จะทำให้เราได้รับมุมมองและบังเกิดความชื่นชมต่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งจะกลายมาเป็นแรงจูงใจให้เรายังคงทำงานต่อไป เมื่อมีใจรักในอะไรสักอย่าง คุณจะไม่ได้ทำเพียงเพราะคุณชอบมัน แต่คุณจะมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์สำหรับงานนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม ความสิ้นหวังอาจรั้งผมเอาไว้ก็จริง แต่ท้ายที่สุด ผมก็จะได้รับผลลัพธ์จากโครงการการถ่ายภาพต่าง ๆ ที่ผมเริ่มเอาไว้อยู่ดี" ทัญ ตุ่งผู้มีพลังเปี่ยมล้นกล่าว
ไม่ว่าจะอีกกี่ความท้าทายที่ถาโถมใส่ในแต่ละวันของชายคนนี้ เขาก็จะมุ่งมั่นต่อไปราวกับว่านั่นคืองานที่ไม่มีวันจบของเขา ถ้าไม่สามารถจัดวางองค์ประกอบของภาพได้ดั่งใจ เขาก็จะผันตัวไปทำสิ่งอื่นแทน อย่างการสร้างแฟ้มผลงานของตัวเอง จัดระเบียบภาพถ่าย หรือแม้แต่การดูแลธุรกิจภาพสต็อกของเขา
แม้ว่าเขาจะยังคงแน่วแน่เหมือนเช่นเคย แต่บทเรียนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมายังคงสดใหม่ในความรู้สึก หลังจากเรียนรู้จากเพื่อนและสั่งสมฝีมือจากประสบการณ์การทำงานแบบมืออาชีพมานานปี เขายังคงกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันความรู้แก่ผู้อื่นเหมือนเช่นเคย
“หากมองว่าการถ่ายภาพคือสิ่งที่คุณรักและงานอดิเรกก่อนที่คุณจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอาชีพ คุณจะเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งและเตรียมพร้อมด้วยการหาความรู้เพิ่มเติม และปรับตัวเข้ากับมันตามความสามารถและสติปัญญาของเรา ความอดทนจะนำมาซึ่งผลงานชั้นเลิศ และสิ่งที่คุณต้องมีคือความตั้งใจที่จะถ่ายภาพเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน" ทัญ ตุ่งกล่าว
หลังจากการไตร่ตรองและการเปิดตัวอีกครั้งอย่างช้า ๆ ของโลกใบนี้ เขาจึงได้รู้ว่าชีวิตและสุขภาพมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด "ผมตั้งใจไว้ว่าจะแสดงความขอบคุณต่อชีวิตนี้ด้วยการทำตัวให้ช้าลงและใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเต็มที่ ผมหวังว่าจะได้เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ และบันทึกประสบการณ์ครั้งใหม่ รวมทั้งทำโครงการที่ยังค้างคาอยู่ให้เสร็จ มีสองโครงการที่ผมให้ความสำคัญมากในปีนี้ และผมวางแผนไว้ว่าจะจัดงานแสดงผลงานของตัวเอง "Wild Life In The City" และ "Saigon Yesterday" ในเร็ว ๆ นี้ด้วยครับ" ทัญ ตุ่งผู้เต็มไปด้วยความหวังกล่าวเสริม
ในตอนนี้ ทัญ ตุ่งกำลังเฝ้ารอที่จะได้บอกเล่าถึงชีวิตในเวียดนามผ่านภาพถ่ายของเขา “ผมตื่นเต้นมากที่เร็ว ๆ นี้จะได้ทำโครงการใหม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมดั้งเดิม งานฝีมือ หมู่บ้านและงานเทศกาลต่าง ๆ ของเวียดนาม และผมหวังว่าโครงการที่งดงามซึ่งผ่านการขัดเกลาอย่างประณีต และเต็มไปด้วยความเรียบง่ายเหล่านี้จะทำให้ผู้คนรู้สึกเพลิดเพลินใจได้อีกครั้งหลังจากความทุกข์ยากต่าง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา” เขากล่าวเสริม
สำหรับทัญ ตุ่งแล้ว อารมณ์ความรู้สึกอันจริงแท้จะรังสรรค์ผลงานชิ้นเอก เขาเชื่อว่าภาพถ่ายจะเก็บบุคลิกของช่างภาพไว้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ